ตัวอย่างการเรียนการสอนในประเทศสหัฐอเมริกา
มาทำความเข้าใจกับระบบการศึกษาของ
ประเทศสหรัฐอเมริกากันก่อนนะคะ
ระบบการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกามีหลายสาขาวิชาให้นักศึกษาชาวต่างชาติเลือก นักศึกษาจะต้องทำการตัดสินใจเลือกตั้งแต่ประเภทของโรงเรียน หลักสูตรวิชาเรียน และสถานที่ตั้งของโรงเรียน ซึ่งมีตัวเลือกให้เลือกอย่างมากมายล้นหลาม ดังนั้นการที่นักศึกษาจะทำการตัดสินใจเลือกที่เรียนได้นั้น นักศึกษาต้องทำความเข้าใจกับระบบการศึกษาของประเทศนี้ก่อน เพื่อช่วยให้นักศึกษาสามารถเลือกโรงเรียนและวางแผนการศึกษาของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงสร้างการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา
ระบบการให้เกรด
นักศึกษาชาวต่างชาติต้องแนบใบประเมินผลการศึกษาของตนพร้อมกับใบสมัครเข้าวิทยาลัยหรือมหาวิทยาลัยในประเทศสหรัฐอเมริกาให้เหมือนกับนักศึกษาชาวอเมริกันคนอื่น ๆ ซึ่งใบประเมินผลการศึกษานี้จะเป็นเอกสารหลักในการแสดงผลการศึกษาของนักศึกษา ได้แก่ เกรดและเกรดเฉลี่ย (GPA) ซึ่งเป็นตัววัดผลการศึกษาของนักศึกษา และการให้เกรดในประเทศสหรัฐอเมริกานั้นจะให้เป็นเปอร์เซ็น และจำนวนเปอร์เซ็นจะถูกผันแปรเป็นเกรดแบบตัวอักษร
บางครั้งระบบการให้เกรดและเกรดเฉลี่ย (GPA) ในประเทศสหรัฐอเมริกาก็มีความยุ่งยากซับซ้อนและทำให้นักศึกษาสับสน โดยเฉพาะกับนักศึกษาชาวต่างชาติ อีกทั้งมีการผันแปรเกรดด้วย ตัวอย่างเช่น มีนักศึกษาสองคนสำเร็จการศึกษามาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาคนละแห่ง ทั้งคู่ยื่นใบสมัครเข้ามหาวิทยาลัยพร้อมกันและมีเกรดเฉลี่ยเท่ากันคือ 3.5 GPAs แต่นักศึกษาคนหนึ่งสำเร็จการศึกษามาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาธรรมดา แต่นักศึกษาอีกคนสำเร็จการศึกษามาจากโรงเรียนมัธยมศึกษาที่มีชื่อเสียงโด่งดังทางด้านวิชาการ ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยอาจจะมองดูเกรดเฉลี่ยในใบประเมินผลการศึกษาและให้คะแนนนักศึกษาทั้งสองคนต่างกัน เนื่องจากทั้งสองคนมาจากโรงเรียนที่มีมาตรฐานทางการศึกษาไม่เหมือนกัน
ปีการศึกษา
ปฏิทินการศึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกาจะเริ่มในเดือนสิงหาคมหรือเดือนกันยายนและดำเนินการเรียนการสอนต่อไปจนถึงเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายน นักศึกษาใหม่ส่วนมากจะเริ่มต้นการศึกษาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้นจึงเป็นช่วงเวลาที่ดีสำหรับนักศึกษาชาวต่างชาติในการเริ่มต้นการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยของตนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะเป็นช่วงเวลาแห่งความตื่นเต้น นักศึกษาทุกคนกำลังเริ่มต้นการศึกษาใหม่เหมือนกันหมด และกำลังปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่ของการเป็นนักศึกษา นักศึกษาจะสามารถพบและสร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนใหม่ได้ในช่วงเวลานี้ได้ดีที่สุด นอกจากนั้นแล้ว ทางมหาวิทยาลัยยังได้ออกแบบหลายหลักสูตรวิชาที่นักศึกษาสามารถเลือกศึกษาได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเริ่มต้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและดำเนินการทำการเรียนการสอนต่อไปจนถึงสิ้นปี
หนึ่งปีการศึกษาของโรงเรียนหลายแห่งประกอบด้วยสองเทอม เรียกว่าระบบ “Semesters“(โรงเรียนบางแห่งมีสามเทอมต่อหนึ่งปีการศึกษาซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่าระบบ “trimester”) นอกจากนี้ โรงเรียนบางแห่งได้รวมการเรียนการสอนภาคฤดูร้อนที่เป็นหลักสูตรวิชาเลือกไว้ด้วยกันจึงแบ่งหนึ่งปีการศึกษาออกเป็นสี่เทอม โดยทั่วไปแล้ว ถ้านักศึกษาไม่ได้ลงเรียนภาคฤดูร้อน หนึ่งปีการศึกษาก็จะแบ่งออกเป็นสองเทอม (Semesters) หรือสามส่วนสี่เทอม (trimester)
หน่วยกิต
หลักสูตรวิชาหนึ่งจะมีหน่วยกิตเป็นตัวเลขหนึ่งจำนวนหรือเป็นจำนวนชั่วโมง ส่วนใหญ่จะเป็นจำนวนชั่วโมงที่นักศึกษาทำการเรียนภายในหนึ่งสัปดาห์ โดยส่วนใหญ่หนึ่งหลักสูตรวิชาจะเท่ากับสามถึงห้าหน่วยกิต
หลักสูตรเต็มเวลาในโรงเรียนส่วนใหญ่จะมี 12-15 หน่วยกิตชั่วโมง (สี่หรือห้าหลักสูตรวิชาต่อหนึ่งเทอม) และนักศึกษาต้องเข้าทำการศึกษาให้ได้จำนวนหน่วยกิตที่กำหนดเพื่อสำเร็จการศึกษา นักศึกษาชาวต่างชาติต้องศึกษาในหลักสูตรเต็มเวลาเท่านั้น
การโอนย้าย นักศึกษาที่ย้ายไปทำการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยแห่งใหม่สามารถโอนย้ายหน่วยกิตที่ได้จากมหาวิทยาลัยเดิมมาใช้ในที่ใหม่ได้ ดังนั้นนักศึกษาจึงสามารถย้ายมหาวิทยาลัยและสำเร็จการศึกษาภายในเวลา
ที่เหมาะสมได้
ที่มา:
www.http://studyusa.com/th/a/406.
No comments:
Post a Comment